ช้าให้เป็น

ช้าให้เป็น

ช่วงเดือนที่ผ่านมา 1 ในคำยอดฮิตคงมีคำนี้รวมเป็นหนึ่งในนั้น "Slow Life" ทำไมกระแส Slow Life จึงเกิดขึ้นมา มันมาจากไหน และใครเป็นคนริเริ่ม อันนี้เราไม่สนใจ แต่ที่สนคือความเข้าใจผิดของการใช้ชีวิตเนิบช้า

“ทุกวันนี้เรามีเทคโนโลยีทุ่นเวลามากมาย เช่นรถยนต์ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เครื่องต้มน้ำ เตาไมโครเวฟ โทรศัพท์มือมือ ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแทบทุกชนิดก็ทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น ชนิดเปิดปุ๊บติดปั๊บ เช่น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ แต่น่าแปลกที่เรากลับมีเวลาว่างน้อยลง จนนอกจากจะนอนไม่เพียงพอ และต้องกินอาหารอย่างรีบเร่งแล้ว ยังแทบไม่มีเวลาให้กับคนในครอบครัวด้วยซ้ำ

ดูเหมือนว่ายิ่งมีเทคโนโลยีทุ่นเวลามากเท่าไร ชีวิตเรากลับเร่งรีบและวุ่นวายมากเท่านั้น หากเปรียบเทียบกับชีวิตของเราในอดีต หรือของคนชนบทในปัจจุบัน จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพราะแม้จะมีเทคโนโลยีไม่มากนัก แต่ชีวิตกลับเนิบช้าและมีเวลาว่างอย่างเห็นได้ชัด ที่เป็นเช่นนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะมีสิ่งเสพสิ่งบริโภคไม่มากนั่นเอง” (คัดลอกจากคำนำหนังสือ เร็วไม่ว่า ช้าให้เป็น โดย พระไพศาล วิสาโล)

การใช้ชีวิตเนิบช้า ไม่ใช่การอยู่ไปวันๆ นะ ยังคงทำงานแต่ไม่ได้รีบเร่งมากกว่า กลัวเหลือเกินกลัวหลายๆ คนจะเข้าใจผิด การใช้ชีวิตเนิบช้าไม่ใช่การไปนั่งในร้านกาแฟเก๋ๆ ทำท่าอ่านหนังสือ ไม่ใช่การไปนอนดูทุ่งนาในโรงแรมสวยๆ อันนี้ไม่น่าจะใช่นะ

ในความเป็นจริงสังคมแต่เนิ่นมาหรือบ้างพื้นที่ในปัจจุบันก็เป็นชีวิตเนิบช้านะ เพิ่งมาเปลี่ยนเมื่อเราเอาคำว่าอุตสาหกรรมเพิ่มเข้ามาจากคำว่าเกษตรกรรม เมืองไทยสมัยก่อนเป็นสังคมเกษตรกรรม สังคมที่อาศัยฤดูกาล การใช้ชีวิตเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติ หน้าฝนทำนา หน้าน้ำจับปลา ไม่ได้แข่งกับเวลา

จนเมื่อมาเปลี่ยนเป็นอุตสาหกรรม เราต้องเข้าทำงานตามเวลา เราต้องทำให้ได้เยอะๆ เราต้องทำงานทุกวัน เราจึงเปลี่ยนไป จากที่ทำงานอยู่หลังบ้าน ก็ต้องเดินทางเข้าเมือง เข้าโรงงาน เราต้องรีบทำเพราะดอกเบี้ยมันบานทุกวัน

มาวันนี้เมื่อรีบจนถึงที่สุดเราจึงโหยหาถึงความเนิบช้า ไม่แน่ใจว่าโหยหามาจากส่วนลึกหรือโหยหามาจากภาพที่คนรวยๆ เขาสร้างขึ้นมา ลองถามตัวเองให้ดีก่อนว่าต้องการเนิบช้าจริงๆ หรือแค่เหนื่อย

ถ้ายังคิดถึงการใช้ชีวิตเนิบช้าไม่ออกจะบอกให้ฟัง คนสมัยก่อนเขาใช้ชีวิตเนิบช้าแต่มีอะไรให้ทำทั้งวันนะ แค่จะกินกล้วยบวชชี ก็มีขั้นตอนพอสมควร (เรามาตัดคำว่าเงินออกไปหน่อยนะ)

สมมติเราได้กล้วยมา อาจจะได้มาจากต้นกล้วยข้างบ้าน อาจจะได้มาจากเพื่อนข้างบ้าน แหมลูกๆ กำลังห่ามได้ที น่าจะเอามาทำกล้วยบวชชี มะพร้าวก็มีสอยเอาลงมาสักลูก ผ่าเรียบร้อยก็ใช้กระต่ายขูด เอามาคั้นเป็นน้ำกะทิ น้ำตาลก็มีน้ำตาลปึกซื้อไว้ติดบ้านไว้นานแล้ว (หรือให้ช้ากว่านั้นหน่อยก็คั้นมาจากอ้อยก็ได้อยู่นะ)

เมื่อของพร้อมก็ถึงขั้นตอนการทำ เริ่มตั้งแต่กองไฟ ต้มกะทิ ใส่น้ำตาล ใส่กล้วย เราก็ได้เป็นกล้วยบวชชีมาแล้ว เห็นไหมคนสมัยก่อน เขาไม่ได้อยู่ไปวันๆ

มาปัจจุบันที่อะไร อะไรก็สะดวกสบาย เราคงไม่ต้องใช้เวลามากขนาดนั้นในการต้มกล้วยบวชชี แต่จะทำรึเปล่าแค่นั้น ส่วนน้อยหละที่จะทำเอง คนส่วนมากใช้วิธซื้อเลย เร็วและสะดวกดี

หากต้องการใช้ชีวิตเนิบช้า เรามาลดความเร่งรีบก็ดีไหม มาใช้จักรยานแทนรถยนต์ แทนมอเตอร์ไซค์ทำได้ไหม ทำอาหารกินเอง ไม่มากไม่มายเริ่มจากวันละมื้อได้ไหม ลองทำดูแล้วชีวิตจะช้าลง

เร็วไม่ว่า แต่ช้าให้เป็น ชีวิตจะเย็นลงอีกเยอะ

ความคิดเห็น