Thinking methods will change the way

วิธีคิดจะเปลี่ยนวิธีการ



เมื่อเช้าผมตอนวิ่งผมก็ฟัง podcast อะไรของผมไปตามปรกติ คราวนี้วนกลับมาฟังรายการของพี่หนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ ครับ

พี่หนุ่มเคยทำโครงการนึงครับชื่อ “ชาตินี้ไม่มีวันจน” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Grameen Bank ที่ทำ Micro Financing ที่โด่งดังไปทั่วโลกจน ศจ. Yunas ผู้ก่อตั้งได้รับรางวัลโนเบล เพราะช่วยคนไปเยอะจริงๆครับ

ทีนี้พี่หนุ่มก็ลองนำร่องทำซักสามจังหวัดก่อน โดยโครงการนี้เน้นให้ความรู้ วิธีคิด ไม่ใช่ให้เงิน เพราะพี่หนุ่มเชื่อว่า การสอนคนให้มีความรู้ที่ถูกต้องในการจัดสรรบริหารเงิน คือหนทางแห่งการแก้ปัญหาความยากจนที่แท้จริง ไม่ใช่การเอาเงินไปให้เฉยๆ

พี่หนุ่มไปสามจังหวัดเจอเรื่องคล้ายๆ กันครับ เริ่มจากลงพื้นที่ไปพูดคุย ในแต่ละจังหวัด จะใช้เวลา 2 วัน วันแรกอบรมให้ความรู้ วันที่สองให้คำปรึกษา ใครมีโปรเจกต์อะไร และเมื่อเสร็จแล้วก็จะมีเงินกู้ให้โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับตลาดในช่วงนั้น

ที่น่าสนุกคือใน 3 จังหวัด 3 หมู่บ้านเหมือนกันเป๊ะ

วันแรกมีคนมาฟังเป็น 100 ครับ

แต่ฟังเรื่องความรู้เรื่องการเงินไปซักพัก ผู้ฟังเริ่มดูหงุดหงิดครับ เพราะชาวบ้านคิดว่าพี่หนุ่มจะมาแจกเงิน ระหว่างที่พูดอยู่ก็มีคนถามเลยว่า “เมื่อไรจะเอาเงินให้” พี่หนุ่มก็บอกว่าจริงๆที่มานี่ไม่ได้มีจุดประสงค์จะเอาเงินมาให้ เพราะปัญหาด้านการเงินไม่สามรถให้คนอื่นแก้ได้ แต่ต้องแก้ด้วยตัวเองนะ




ประมาณนี้นะครับ

วันที่สองจากผู้ฟังที่มาในวันแรก 100 กว่าคน เหลือ 4 คนครับ

โหดนะครับโหด

พี่หนุ่มบอกไม่เป็นไร ไม่ต้องไปโฟกัสคนที่ไม่มา เอาคนที่มานี่แหละทำยังไงจะให้ประโยชน์เขาได้มากที่สุด ซึ่งพี่หนุ่มก็นั่งล้อมวงถามกันทีละคนเลยครับว่า ทำไมถึงมากันละ

ทั้งสี่ตอบคล้ายๆกันครับว่า “ มันน่าจะพอได้แล้วอาจารย์ จนมาจะตลอดชีวิตแล้ว มันต้องหยุดได้แล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยก็ตายแล้ว อยากมีความสุขเหมือนกับคนอื่นเขาเหมือนกัน ”

พี่หนุ่มบอกว่ามันทำให้พี่เขาคิดเลยว่า มันสะท้อนอะไรหลายๆ อย่าง คนบางกลุ่มรอให้คนอื่นมาช่วยเหลือ แต่สี่คนนี้แสวงหาทางออกด้วยตัวเอง โดยที่พวกเขายังไม่รู้เลยว่าหนทางจะเป็นยังไง แต่ที่รู้คือที่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่

พอสอบถามกัน ก็เลยถามว่า มีอะไรที่พอทำได้ดีบ้างไหม

ก็มีหนึ่งในสี่คนบอกว่า เออ จริงๆ พี่ตำน้ำพริกอร่อยนะ ไม่ใช่แค่เพื่อนๆ บอก แต่เคยไปตำน้ำพริกได้รางวัลมาแล้ว แต่ไม่ได้มาทำต่อเป็นอาชีพ เพราะไม่รู้จะทำยังไง ไม่มีทุนไม่มีตลาด

พี่หนุ่มถามว่าต้องใช้ทุนเท่าไร และใช้เครื่องมืออะไรบ้าง

ซึ่งพี่คนนี้ก็ตอบว่า ทุนซัก 10,000 นึง ซื้อของ 5000 แล้วที่เหลือก็เอาไว้ซื้อของที่จำเป็น และอยากได้เครื่องบด กับเครื่องอบมาทุ่นแรง

พี่หนุ่มตอบว่าได้ แต่สิ่งสำคัญคืออย่าเอาเงินนี้ไปใช้หนี้เก่าทันที แต่ให้เอาเงินที่หามาได้ลงทุนต่อ เก็บไว้ใช้ส่วนนึง และออมก่อน เดี๋ยวพอได้จำนวนหนึ่งค่อยคิดเรื่องใช้หนี้

เรื่องสำคัญสุดคือตลาด ซึ่งพี่หนุ่มก็ได้แนะนำให้หาทางไปขายในตลาดที่ขายของฝากชื่อดังของเชียงใหม่ให้ได้ ซึ่งด้วยคุณภาพของสินค้าและความพยายามของเจ้าตัวในที่สุดก็ไปขายได้

เมื่อทำไปซักพักกิจการเริ่มอยู่ตัวคราวนี้ให้ตั้งใจบริหารเงินให้ดี ขายของได้เงินแล้วก็มาหักทุนออก ให้แบ่งเงินเป็นสามส่วนเสมอคือ กินใช้ ใช้หนี้ และออม

แม้จะเป็นกิจการเล็กๆ แต่เจ้าตัวมีวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัดตามที่พี่หนุ่มได้สอนมา ในที่สุด 2-3 ปีก็เคลียร์หนี้หลายแสนบาทได้ และพี่หนุ่มย้ำว่าถ้าได้ติดอาวุธทางความคิดแบบนี้ไปแล้วยากมากที่จะกลับมาเป็นหนี้เป็นสินอีก

สิ่งที่พี่คนนี้ได้ไปที่อาจจะมีค่ากว่ากิจการน้ำพริก คือ ”วิธีคิด” เรื่องการบริหารเงินครับ

สองเรื่องที่ผมเล่ามาวันนี้แค่อยากจะบอกว่า ก่อนลงมือทำอะไร

ลงทุนกับ “วิธีคิด” ซักนิดครับ แล้ว”วิธีการ” ที่ถูกต้องจะตามมา

ที่มา: Mission To The Moon

ความคิดเห็น