นิทานเรื่องนักการศึกษากับภรรยา

นิทานเรื่องนักการศึกษากับภรรยา

ชายคนหนึ่งเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ พ่อแม่ก็เลยจัดการหาภรรยาให้แต่งงาน เมื่อเขาแต่งงานแล้ว เขาก็สมัครเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนประถมใกล้ๆ บ้าน เพราะไม่มีประสบการณ์การสอน สอนได้ไม่ถึงอาทิตย์ เขาก็ถูกโห่ไล่จากเด็กนักเรียน

เมื่อกลับถึงบ้าน ภรรยาปลอบใจเขาว่า
“แม้เราจะมีภูมิความรู้อยู่เต็มหัว บางคนเอาออกมาใช้เป็น บางคนเอาออกมาใช้ไม่เป็น อย่าได้โศกเศร้าเสียใจให้มากไป อาจมีงานที่เหมาะสมกว่านี้รอคุณอยู่”

ต่อมาเขาก็ไปทำงานรับจ้าง ก็ถูกเถ้าแก่ไล่กลับบ้าน เพราะเขาทำอะไรยืดยาด
ครั้งนี้ภรรยาของเขาปลอบใจเขาว่า
“คนเรามือไม้ช้าเร็วต่างกัน คนอื่นเขาทำมาเป็นสิบๆปี คุณเรียนหนังสือมาตลอดจะให้ทำเร็วเหมือนคนอื่น ได้ยังไง! ”

เขาไปทำงานอีกหลายอย่าง แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน มักจะเลิกล้มกลางคันอยู่เสมอ ทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้ ภรรยาก็จะคอยปลอบใจ ไม่เคยตำหนิหรือว่ากล่าวอะไรเขาเลย

เมื่อเขาอายุได้ 30 ปี ด้วยความสามารถด้านภาษา เขาไปสมัครเป็นครูผู้ช่วยในโรงเรียนโสตศึกษา ต่อมาเมื่อมีประสบการณ์การสอนเขาก็ออกมา เปิดโรงเรียนโสตศึกษา เป็นของตัวเอง จากนั้นเขาก็ได้เปิดร้าน ขายผลิตภัณฑ์จากผู้พิการหลายแห่ง ในเมืองต่างๆ

จากชายผู้ไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ตอนนี้เขากลายเป็นเศรษฐีย่อมๆ ไปเสียแล้ว

อยู่มาวันหนึ่ง เขาได้ถามภรรยาของเขาว่า
“แม้แต่ตัวผมเอง ยังรู้สึกอับจนไร้หนทาง เพราะอะไร คุณจึงมั่นใจในตัวผม! ”

ภรรยาของเขาตอบว่า
“ดินดี แต่หากไม่เหมาะ กับการปลูกข้าวบาร์เลย์ ก็ลองปลูกถั่ว หากไม่เหมาะกับการปลูกถั่ว ก็ลองปลูกแตง หากไม่เหมาะกับการปลูกแตง ก็ลองปลูกดอกไม้ฯ จะต้องมีเมล็ดพันธุ์อย่างหนึ่ง ที่เหมาะกับดินชนิดนี้ เมื่อได้เมล็ดพันธุ์ที่เหมาะกับมัน ก็ย่อมเจริญงอกงาม ได้ผลเก็บเกี่ยวเต็มที่ ไม่มีดินอะไร? ที่มันจะปลูกเมล็ดพันธุ์ได้งอกงามทุกชนิดหรอก”

เมื่อฟังภรรยาพูดจบ เขาถึงกับหลั่งน้ำตา
ขอบคุณความรัก ความอดทน และความเชื่อมั่น ที่คุณมีต่อผม คุณคือเมล็ดพันธุ์ ที่ทรงพลังแข็งแกร่ง และทรหดอดทนมาก

โลกใบนี้ ไม่มีใครที่ไร้ประโยชน์ เพียงแต่มันตกไม่ถูกที่ ก็เท่านั้น

เครดิต: หนังสือ รวยแบบว่างๆ สำเร็จด้วยสมอง

......................................

เวลาเหม็นเราปิดจมูก แสงสว่างจ้าเราปิดตา เวลาเสียงดังเราปิดหู เวลาขมเราคายออกไป
แต่แปลกไหม.....
เวลามี "เรื่องทุกข์ใจ"
เราไม่ยอม "โยนมันทิ้งไปไหน"
แต่กลับ "เก็บมันเอาไว้"
แล้วเอามา "คิดซ้ำไป-ซ้ำมา"
โยนความทุกข์มันทิ้งไปนะครับ แล้วเริ่มต้นใหม่ มันก็จะทำอะไรเราไม่ได้

ความคิดเห็น